ประโยชน์ : เป็นส่วนประกอบของคลอโรฟิลล์ หรือสีเขียวที่พืชใช้ในการสังเคราะห์แสงช่วยให้ใบพืชมีสีเขียวเข้มมากขึ้น ช่วยในการสร้างพลังงาน ดูดซึมอาหารต่างๆ ไปใช้ได้มากขึ้น ช่วยในการเจริญเติบโตของต้นพืช และในการสร้างโปรตีน ข่วยขยายขนาดของผล และป้องกันไม่ให้ผล เถา หรือผักแตก ทำให้เนื้อแน่น ป้องกันแกนไส้นิ่ม รสชาติและสีดีขึ้น ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลจากลำต้น ใบมาสู่ผล และเมล็ด สามารถเก็บสะสมอาหาร ผลมีการพัฒนาเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ลดปัญหาการหลุดร่วงของผลได้
วิธีใช้ : ใช้อัตรา 60-80 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 20 ลิตร ใช้ได้กับพืชทุกชนิด ควรพ่นให้เป็นละอองเล็กๆ พอเปียกทั่วใบ และทุกๆ ส่วนของพืช ทุกๆ 7-10 วัน
คำแนะนำ: ควรอ่านคำแนะนำเอกสารกำกับปุ๋ยเคมีให้เข้าใจเสียก่อน หากไม่เข้าใจ หรือ มีปัญหาสงสัยให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมเกษตรในท้องถิ่น เพื่อให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนดเพราะจะเป็นอันตรายกับพืชได้
ข้อควรระวัง:
- โดยทั่วไปแล้วปุ๋ยเคมีพ่นทางใบพืชใช้ประโยชน์ได้น้อย ควรใช้เป็นปุ๋ยเคมีเสริมกับการให้ปุ๋ยเคมีทางดิน
- ควรพ่นในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น ในเวลาที่อากาศไม่ร้อน ลมไม่พัดแรง และคาดว่าฝนไม่ตก
- ขณะที่พ่น พืชต้องไม่เหี่ยวเฉา หรือขาดน้ำ
- การพ่น อย่าให้ถึงเปียกโชก เพราะจะทำให้เสียค่าปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพปุ๋ยเคมีที่ใช้พ่นทางใบ เมื่อตกลงดินจะมีประสิทธิภาพเท่ากับปุ๋ยเคมีที่ใส่ทางดิน
- ควรเก็บปุ๋ยเคมีในภาชนะที่ปิดมิดชิด ในที่ร่มและแห้ง และเก็บปุ๋ยเคมีไว้ในที่ปลอดภัย ห่างไกลจากมือเด็ก
- ระวังอย่าให้ถูกผิวหนังหรือเข้าตา หากถูกผิดหนังหรือเข้าตา ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที
- ปุ๋ยเหลวอาจมีก๊าซเกิดขึ้น และอาจเป็นอันตรายได้ง่าย ควรเปิดด้วยความระมัดระวัง